Saturday, April 24, 2010

Supper Vitamin C (Indian Gooseberry /มะขามป้อม)

ขอเริ่มต้นเรื่องเบาๆเกี่ยวกับชื่อของมะขามป้อม ก่อนถึงสรรพคุณทางยาของเจ้าผลไม้รสเปรียวฝาดนี้ก่อน ฝรั่งเรียกมะขามป้อมว่า indian gooseberry เพราะขนาดรูปร่างและรสชาติคล้ายกับ gooseberry ของฝรั่ง(แต่ในทางพฤษศาสตร์ไม่เกี่ยวข้องกัน) ซึ่งมีถิ่นดั้งเดิมอยู่ในทวีปยุโรป ฝรั่งยังเรียกผลไม้อื่นๆอีก 2ตัวว่าเป็นกูสเบอรรี่ด้วยเหตุผลทำนองเดียวกัน อย่างกีวี่ฟรุต(kiwi fruit) เดิมเรียก
Chinese gooseberry เพราะเป็นผลไม้ของจีนตอนใต้ ฝรั่งนิวซีแลนด์เอาไปเพาะปลูกในประเทศของตน เพราะเห็นว่ารสชาติคล้ายกูสเบอร์รี่ ถึงแม้รูปร่างจะไม่เหมือนกัน ต่อมาเกษตรกรชาวนิวซีแลนด์พัฒนาพันธุ์ให้มีผลขนาดใหญ่และมีรสชาติดีมากขึ้น สามารถส่งออกไปขายในอเมริกา ทำรายได้มหาศาลเข้าประเทศ แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อเมริกาเริ่มขัดแย้งกับจีนแผ่นดินใหญ่ พ่อค้าส่งออก Chinese gooseberry กลัวชาวอเมริกันจะแอนตี้ผลไม้ชื่อจีนนี้ด้วยจึงเปลี่ยนชื่อเป็น kiwi fruit และติดตลาดมาจนทุกวันนี้ ผลไม้อีกตัวที่ฝรั่งเรียก gooseberry โดยไม่เกี่ยวข้องเป็นวงศาคณาญาติกันทางพฤกศาสตร์เลย คือ Cape gooseberry เจ้าผลไม้ตัวนี้ขนาดและรูปร่างคล้าย gooseberry แต่รสชาติหวานกินเป็นผลไม้สถานเดียว ซึ่งจริงๆแล้วเป็นผลไม้พื้นถิ่นและนิยมกินในอเมริกาใต้ แต่เนื่องจากพวกฝรั่งนำไปเพาะปลูกเป็นการค้ามากในพื้นที่แถบแหลมกู๊ดโฮป แอฟริกาใต้ ก็เลยเรียกเป็น Cape gooseberry เสียเลย

เรื่องของเรี่องก็แค่ฝรั่งเรียกมั่วตามพื้นฐานของตน เราจึงมีทั้งกูสเบอร์รี่ฝรั่ง(บางทีเรียก Ribes gooseberry ตามชื่อพฤกษศาสตร์) Chinese gooseberry และCape gooseberry โดยมิได้เกี่ยวข้องเป็นเครือญาติทางพฤษศาสตร์กัน
สำหรับในอินเดียซึ่งเป็นแหล่งที่มีมะขามป้อมมาก ภาษาฮินดีเขาเรียก อัมลา (Amla) หรือ (Amalaka) ในภาษาสันสกฤต อัมลาเป็นสมุนไพรพื้นฐานที่ใช้แพร่หลายมากที่สุดในอายุรเวทของอินเดีย ทั้งนี้โดยสัมพันธ์กับความเชื่อในหมู่ชาวอินเดียทั่วไปมาช้านานว่า อัมลาคือทิพยโอสถ คือน้ำอัมฤทตชุบวัยเยาว์ ในศาสนาฮินดู คัมภีร์ Visnu Khanda กล่าวถึงต้นอมาลกะว่าเป็นต้นไม้ต้นแรกในโลก อันเป็นที่สถิตของพระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ โดยเหตุนี้ชาวอินเดียจึงเชื่อว่า ต้นมะขามป้อมมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นแม่พระธรณีผู้หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ด้วยผลอัมลาอันทรงคุณค่าทางโภชนาการ เชื่อกันว่ากินอาหารใต้ต้นอัมลาแล้วจะอายุยืน ผลอัมลาที่มีสรรพคุณอายุวัฒนะควรได้มาจากการปีนเก็บด้วยมือ

แต่เดี๋ยวนี้ชาวอินเดียน้อยคนที่จะเก็บมะขามป้อมเอง ระยะหลังเมื่ออัมลาเป็นที่นิยมมากขึ้น การทำสวนปลูกอัมลาเป็นการค้าก็ขยาย ตัวอย่างรวดเร็ว อัมลาขึ้นได้ดีทั้งในพื้นที่ราบและบริเวณเชิงเขา แต่เชื่อกันว่าอัมลาที่ปลูกบริเวณเชิงเขาหิมาลัยทางตอนเหนือของอินเดียมี สรรพคุณทางยาดีที่สุด หากใครได้ไปเยือนอินเดียในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวอัมลา จะเห็นมะขามป้อมขนาดโตราวลูกกอล์ฟวางขายกันเกลื่อนกลาด ได้ประจักษ์กับสายตาจริงๆว่า คนอินเดียนะกินมะขามป้อมแพร่หลายขนาดไหน


คนไทยกินมะขามป้อมง่ายๆโดยจิ้มกับเกลือ หรือน้ำพริกเกลือตามที่คุณสาทรเคยเขียนไว้ในนิตยสารครัวตามที่อ้างไว้แล้ว แต่ชาวบ้านคนอินเดียกินง่ายกว่าเราอีก เพียงเข้าปากเคี้ยวแล้วตามด้วยน้ำดื่ม รสเปรี้ยวฝาดจะตามมาด้วยรสหวานที่ปลายลิ้นอย่างน่าอัศจรรย์ อีกวิธีที่นิยมแพร่หลายคือมะขามป้อมดองในน้ำเกลือกับมะขาม คนอินเดียเขาว่ากินอร่อยแท้ๆโดยเฉพาะในยามอากาศร้อน การกินอัมลาแบบซับซ้อนขึ้นอีกคือนำมาแช่อิ่ม อัมลาแช่อิ่มทั้งผล มีบรรจุขวดขายทั่วไปในอินเดีย ลูกโตเนื้อใสด้วยอิ่มน้ำเชื่อมน่ากินจริงๆ คนอินเดียกินมะขามป้อมแช่อิ่มเป็นอาหารว่าง นอกจากนั้น ยังนิยมเอาเนื้ออัมลามาทำเป็นแยมหรือมาร์มาเลด ส่วนที่นำมาทำอาหารคาว เข้าใจว่ามีไม่มาก ตำรับหนึ่งที่เห็นคือข้าวผัดเนื้ออัมลา

กรณีนำผลอัมลาสดมาคั้นดื่มนั้น แทบไม่ต้องเอ่ยถึง เพราะนิยมแพร่หลายมากที่สุด กระทั่งมีน้ำอัมลาคั้นสดบรรจุขวดวางขายกันทั่วไป

ทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นเป็นการใช้อัมลาสด แต่หากเป้นนอกฤดูกาล เนื้ออัมลาตากแห้ง หรืออัมลาผง ก็มีขายอยู่เหมือนกัน แม้แต่อัมลาสดหากห่ออย่างดีแล้วเก็บในตู้เย็น ก็อยู่ได้นานราว2-3 สัปดาห์

นอกจากอาหารแล้ว ในอินเดียยังมีแชมพูสระผมและน้ำมันนวดผมและหนังศีรษะที่ทำจากมะขามป้อม ซึ่งได้รับความนิยมกันอย่างกว้าง เพราะในมะขามป้อมมีแทนนินซึ่งช่วยบำรุงเส้นผมให้ดำขลับ ไม่หงอกขาวก่อนวัย รักษารากผมให้แข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย ไม่หัวเถิกหัวล้านจนเสียบุคลิก น้ำมันอัมลานี่เห็นบอกอนิตยสารครัวซื้อมาใช้ด้วยจากอินเดีย แต่เนื่องจากหาซื้อยากจึงใช้อย่างประหยัด นวดผมและหนังศีรษะเฉพาะบริเวณผมหงอกเท่านั้น เห็นว่าได้ผลดีเหมือนกัน สำหรับท่านที่อยากทดลองใช้ จะลองทำเองแบบคนอินเดียก็ไม่น่ายากอะไร เขาให้เอาเนื้อมะขามป้อมสดฝานราว 250กรัม ผึ่งในที่ร่มให้แห้ง แล้วเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว 1 กิโลกรัม
จนมะขามป้อมเป็นสีน้ำตาลไหม้กรองแล้ว ทิ้งไว้ให้เย็นจึงบรรจุขวดไว้ใช้ ส่วนจะใช้นวดผมและหนังศีรษะถี่แค่ไหน ก็แล้วแต่ความจำเป็นของแต่ละคนครับ หากเห็นว่าวิธีนี้ยุ่งยาก คนอินเดียเขาเสนอให้เอาน้ำมะขามป้อมคั้นสด 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำมันอัลมอนด์ในปริมาณเท่ากัน และน้ำมะนาว 2-3 หยด นวดผมแทนก็ได้ผลดีไม่แพ้กัน

หากต้องการสระผม คนอินเดียเข้าให้เอาน้ำอัมลาคั้น หรืออัมลาผงผสมน้ำแช่ทิ้งในหม้อสักครู่ สระผมแทนแชมพูได้เลย แถมคุยเสียอีกว่านี่เป็นผลิตภัณฑ์ 3 in1 คือเป็นทั้งแชมพู คอนดิชันเนอร์ และยาย้อมผม ไปในตัว แต่สมัยนี้หากมีแชมพูธรรมชาติที่ทำจากมะขามป้อมย่อมสะดวกกว่ามาก ถ้าจะมีใครลองผลิตแชมพูมะขามป้อมออกมาขายบ้าง ก็น่าจะขายดีทีเดียว

คราวนี้มาเรื่องประโยชน์ทางสุขภาพของอัมลาหรือมะขามป้อมกันบ้าง เรื่องแรกที่ต้องอัพเดตกัน คือ มะขามป้อมมีสารอะไร จึงมีสรรพคุณทางยา? เดิมเชื่อกันว่าเป็นวิตามินซี ที่อ้างว่ามีอยู่สูงมากในมะขามป้อม แต่ผลการวิจัยปัจจุบันพบว่าไม่ใช่วิตามินซี หากเป็นแทนนิน และสารโพลีฟีนัล (polyphenol) อื่นๆรวมทั้งฟลาวานอยด์มากกว่า และนี่คือสารสำคัญที่ทำให้อัมลามีแอนติออกซิแดนท์สูงมากเป็นพิเศษ สามารถป้องกันและรักษาโรคมากมาย

การกินอัมลาเพื่อสุขภาพ โดยทั่วไปให้ผสมน้ำอัมลาคั้นกบน้ำผึ้งอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกเช้า หากไม่มีอัมลาสดจะใช้อัมลาผงแทนก็ได้
หากต้องการดื่มเพื่อรักษาโรคโดยเฉพาะ เช่น ต้องการลดระดับน้ำตาลในเลือด ให้ผสมน้ำอัมลาคั้น 1ช้อนโต๊ะกับน้ำมะระคั้นสด 1 ถ้วย ดื่มทุกวันติดต่อกันนาน 2 เดือน

ในการแพทย์แบบอายุรเวท มะขามป้อมมีสรรพคุณรักษาโรคและบำรุงสุขภาพกว้างขวางมากมาย ตั้งแต่เป็นยาบำรุงสุขภาพ ยาอายุวัฒนะ บำรุงสมอง บำรุงสายตา แก้ไอ รักษาอาการหืด หลอดลมอักเสบ วัณโรคปอด ลดเบาหวาน ไขข้ออักเสบ ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย โรคท้องร่วง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เหตุสำคัญที่ทำให้มะขามป้อมได้รับความสนใจอย่างมากจากทั่วโลกในปัจจุบัน คือสรรพคุณในการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ผลการวิจัยสมัยใหม่ พบว่า มะขามป้อมช่วยป้องกันมิให้หลอดเลือดตีบ หล่อเลี้ยงหัวใจไม่พอ
นอกจากนั้นยังช่วยลดโคเลสเตอรอลรวมใน กระแสเลือด พิเศษยิ่งกว่าคืออัมลาช่วยเพิ่ม HDL (โคเลสเตอรอลดี) สูงถึง 18% และลด LDL (โคเลสเตอรอลร้าย) ลดถึง 17%

ผลโดยรวมต่อการป้องกันโรคอีกอย่างหนึ่งคือ มะขามป้อมช่วยลดการอักเสบในทุกระบบของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดการสั่งสมพิษ และโรคร้้ายต่างๆรวมทั้งมะเร็ง

คนไทยโดยทั่วไป โดยเฉพาะคนในสังคมเมืองปัจจุบัน รู้จักสรรพคุณมะขามป้อมน้อยเอามากๆ แท้จริงแล้ว มะขามป้อมเป็น superfruit มีประโยชน์ต่อสุขภาพและการรักษาโรคมากมาย รวมทั้งบำรุงเส้นผมให้ดกดำ ไม่หงอกเร็วกว่าที่ควร
หน้านี้ มะขามป้อมมาก รู้จักแล้วหาซื้อมากินให้สมกับความยิ่งใหญ่ของมันกันเถิด.......

ที่มา: นิตยสารครัว ฉบับที่ 185 ปีที่ 16 เดือนพฤศจิกายน 2552 เรื่อง " มะขามป้อมอีกครั้ง" เรื่องเขียนโดย นิพิท จินดากุล
(มีการตัดหรือดัดแปลงเนื้อหาบางส่วน)
มะขามป้อม
# แอ สคอร์ไบเจนในมะขามป้อมคืออะไร มีประโยชน์ยังไง
# มะขาม ป้อม ผลไม้อมฤต จากชมพูทวีป
# วิตามิน ซีกับบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ
# มะขาม ป้อมวิตามินซี และ แทนนินสูง
ดูทั้งหมด